รายงานเกี่ยวกับ ค่าใช้จ่ายสำหรับผู้บริโภคทรงตัวตามรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ออกโดยสำนักงานแรงงานและสถิติของสหรัฐเมื่อวันพุธ โดยระบุว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 8.5% ชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อาจแตะระดับสูงสุดแล้วหลังจากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดใน 40 ปีที่ผ่านมา!
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีซึ่งติดตามการเคลื่อนไหวของราคาในสินค้าและบริการจะเพิ่มขึ้น 0.2% ไปอยู่ที่ 8.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ในทางกลับกัน อัตราเงินเฟ้อยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) ทำให้ราคาสูงขึ้น
ก่อนหน้านี้ อัตราเงินเฟ้อแสดงให้เห็นว่าเพิ่มขึ้น 9.1% ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนมิถุนายน โดยเพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน แม้ว่าค่าที่อ่านได้จะคงที่ แต่ก็ถอยกลับเมื่อเดือนที่เงินเฟ้อสูงเริ่มคำนวณรายปี โดยไม่รวมเดือนที่ผันผวนและแทนที่ข้อมูลอื่นๆ
ตลาด crypto มีปฏิกิริยาในทางลบหลังจากรายงาน CPI สองฉบับก่อนหน้านี้ ในช่วง 6 – 8เดือนที่ผ่านมา รายงานอัตราเงินเฟ้อเหล่านี้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความผันผวนของหุ้นและตัวหุ้นเอง
Crypto ตอบสนองต่อตัวเลข CPI
หลังการเปิดเผยรายงานนั้น มูลค่า Bitcoin เพิ่มขึ้น +4.4% และ Ethereum เพิ่มขึ้น +7.5% ผลักดันกำไรรายวันสำหรับเหรียญเป็น 3.5% และ 7.2% ตามลำดับตาม CoinMarketCap
เหรียญอื่นๆ มีราคาสูงขึ้นเช่นกัน รวมถึง Polkadot, Solana, Uniswap และ Avalanche ทั้งหมดเพิ่มขึ้นเหนือ 5% ในหนึ่งชั่วโมงหลังจากเผยแพร่รายงาน
หลังจากประกาศการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งที่ 75 คะแนนในการประชุมครั้งล่าสุด ประธานธนาคารกลางเจอโรม พาวเวลล์ กล่าวว่าจะหยุดการออกคำแนะนำล่วงหน้า ปล่อยให้นักลงทุนตกอยู่ในความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการเงินในอนาคตของ Fed
Fed ตั้งเป้าไปที่เงินเฟ้ออย่างจริงจังโดยทำให้การกู้ยืมของธุรกิจและผู้บริโภคมีราคาแพงขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเย็นลงเมื่อความต้องการสินค้าและบริการลดลง
อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และสกุลเงินดิจิทัล
หากอัตราเงินเฟ้อถึงจุดสูงสุด เฟดจะไม่ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเท่ากับที่เคยมีมาในปีนี้ นักลงทุนสถาบันหนีจากสินทรัพย์ที่เก็งกำไรมากขึ้น รวมถึงหุ้นเทคโนโลยีและคริปโต ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นซึ่งลดการเติบโตลง โดยเข้าไปลงทุนนที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพมากขึ้นแทน เช่น พันธบัตรองค์กรและกระทรวงการคลังสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก LINK
ภาพจาก LINK