30% ของ Bitcoin total supply ในขณะนี้กำลังขาดทุน และจบลงด้วยการดีดตัวขึ้นสองครั้งตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ผู้ถือต้องเผชิญกับสัปดาห์ที่หนักหน่วงหลายรอบเพราะต้องยื้อราคาที่ $42K อีกครั้ง ตามที่ทาง Glassnode ระบุไว้ในวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งในอดีต 30% นั้นแนวตั้งรับสำคัญของผู้ถือส่วนใหญ่
ความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับโอกาสฟื้นตัวของ Bitcoin
การร่วงของ Bitcoin จาก $69,000 มาถึงระดับปัจจุบัน ณ จุดหนึ่งนั้นมากกว่า 40% ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรหากผู้ถือเป็นนักลงทุนระยะยาว เพราะมีเหตุผลเฉพาะหลายอย่างที่ชี้ว่าการสนับสนุนนั้นจะยังคงดำเนินต่อไป
เมื่อมองย้อนกลับไปที่ราคาในอดีต Glassnode เปิดเผยว่าเมื่อ 30% ของ total supply นั้นกลายเป็น ” คลื่นใต้น้ำ ” ที่ราคามักจะพุ่งกลับมาได้เสมอ
ทาง The Week Onchain อธิบายถึงการฝ่าวงล้อมของผู้ถือ Bitcoin ไว้ดังนี้ “ แม้ว่าจะมีการกดดันอย่างหนักแต่ผู้ถือ Bitcoin ส่วนใหญ่ก็กำลังวางแนวรับอย่างแข็งขันในระดับที่พวกเขายังได้กำไรอยู่ซึ่งนับเป็น ระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับ total supply ”
” Bitcoin มีการวางแนวรับที่แข็งแกร่งมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา “
จากกราฟด้านล่างเราจะเห็นถึงช่วง Covid crash ในวันที่ 19 เดือนมีนาคม 2020 และฤดูร้อนปี 2021 ภายหลังการการสั่งแบนของจีน ซึ่งมีระดับการสูญเสียสูงถึง 30% ส่งผลให้เกิดแรงกระตุ้นขาขึ้นสำหรับราคา spot ในทั้งสองกรณี
แต่ทาง Glassnode เองก็ออกมายอมรับว่าผลที่ได้นั้นอาจจะไม่เหมือนที่เกิดก่อนหน้านี้
“ สิ่งที่อาจทำให้ผู้ถือส่วนใหญ่ที่เป็น “คลื่นใต้น้ำ” ในขณะนี้ถอดใจได้ก็คือการที่ราคานั้นไม่ดีดตัวกลับขึ้นมาในระดับที่ถือว่าป็นกำไรได้ ”
แต่ทาง CryptoQuant กลับคาดว่าผลลัพธ์จะเป็นขาขึ้น
โดยกล่าวว่า ” ตลาด bullish ในเดือนกรกฎาคมเพิ่งเริ่มต้นเมื่อก่อนหน้านี้ และกำลังเตรียมตัวอย่างจริงจังสำหรับ cycle ครั้งใหม่ ”
Glassnode ชี้แจงว่าเหรียญเคลื่อนไหวในช่วง 155 วันที่ผ่านมา โดยยังคงอยู่ในระดับต่ำตามสัดส่วนของ total supply
“ supply ที่เป็นคลื่นใต้น้ำขณะนี้นั้นคิดเป็นประมาณ 3 ล้าน BTC ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ และเป็นระดับที่บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ตลาดที่ครอบงำโดย HODLer
“ ซึ่งเป็นผลจากตั้งแต่เหตุการณ์ deleverage ในเดือนพฤษภาคม 2021 ซึ่งระดับ supply ของ short-term holders (STH) นั้นต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติในช่วงตลาด bearish เนื่องจากเหรียญเก่ายังคงอยู่นิ่งอยู่ไม่ได้ถูกปล่อยออกมา และเหรียญใหม่จะค่อยๆถูกสะสมจากนักลงทุนที่มีความเชื่อมั่นสูง ” โดยดูได้จากกราฟด้านล่างนี้