มีรายงานว่าทางการไทยไม่เร่งรีบที่จะผลักดันสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) ที่เน้นการค้าปลีก โดยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอธิบายว่าประเทศมีตัวเลือกการชำระเงินทางเลือกมากมายอยู่แล้ว
ในปี 2020 ธนาคารกลางของประเทศกล่าวว่าจะทดสอบว่าผลิตภัณฑ์ทางการเงินมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจในท้องถิ่น นอกจากนี้ วชิระ อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สถาบันมีแผนที่จะขยายการใช้ CBDC ไปสู่ประชาชนทั่วไป
เมื่อปลายปีที่แล้ว ทางการได้เปิดเผยความตั้งใจที่จะใช้ CBDC เป็นทางเลือกในการชำระเงินแทนเงินสด อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะผ่านการทดลองบางอย่าง โดยได้กำหนดตารางเวลาใหม่ในช่วงปลายปี 2022ฟฟฟ
ตามรายงานท้องถิ่นฉบับล่าสุด ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารกลาง พอใจกับการทำงานของเครือข่ายธนาคารเพื่อรายย่อยของประเทศไทยในปัจจุบัน เขาอ้างว่า “ความจำเป็นในการเปิดตัว CBDC นั้นไม่สูงขนาดนั้น”
ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า นักลงทุนในประเทศที่ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านแพลตฟอร์มที่ลงทะเบียน จะมีสิทธิ์ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% สำหรับธุรกรรม โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2022 ถึง 31 ธันวาคม 2023 และมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการใช้การแลกเปลี่ยน crypto
Crypto ในประเทศไทยถูกสั่งห้ามเป็นวิธีการชำระเงิน
ประเทศในเอเชียมีแนวทางที่ค่อนข้างขัดแย้งกับอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล ปีที่แล้วการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งใจที่จะปล่อยโทเค็นยูทิลิตี้ที่เรียกว่าเหรียญททท.(TAT) ที่จะช่วยให้สามารถโอนบัตรกำนัลและช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้รับสภาพคล่องมากขึ้น นอกจากนี้ยังตั้งเป้าที่จะดึงดูดเจ้าผู้ถือคริปโตในไทยและกระตุ้นเศรษฐกิจได้หลังจากอ่วมจากการระบาดของ COVID-19
ประเทศไทยคงไม่สนับสนุนเหรียญเช่น BTC และ altcoins เมื่อเดือนที่แล้ว ทางการออกเตือนว่าอาจเป็นอันตรายต่อเครือข่ายการเงิน ด้วยเหตุนี้จึงห้ามใช้เป็นวิธีการชำระเงินตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2022 เป็นต้นมา
การซื้อขายและการลงทุนใน crypto ยังคงได้รับอนุญาตอยู่ ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับ HODLers ในประเทศจำนวนมาก ตามการรายงานของ Bloomberg คนไทยเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ากว่า $3B
ข้อมูลจาก LINK
ภาพจาก LINK